ไรฝุ่นคืออะไร ? ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงแพ้ไรฝุ่น

17:04 Siri Allergyguard 0 Comments

ไรฝุ่นคืออะไร ?

ไรฝุ่น คือ ไรชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในจำพวก "แมง" ที่จัดอยู่ในจำพวกแมงเพราะมันมี 8 ขา แต่เมือไรฝุ่นยังเล็กจะมี 6 ขา เมื่อโตขึ้นถึงจะมีขางอกออกมาอีก 2 ขา ไรฝุ่นจัดเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของโรคภูมิแพ้ ทั้งซาก และอึของมันมีฤทธิ์เป็นสารก่อภูมิแพ้ เมื่อเราสูดดมเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้ผู้ที่แพ้เกิด "อาการภูมิแพ้" ได้

อาการภูมิแพ้ที่เกิดขึ้น จะมีด้วยกัน 4 ลักษณะ แต่โดยทั่วไปที่พบได้บ่อยคือ อาการภูมิแพ้ทางจมูก และระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาการที่แสดงออกมาจะมีทั้ง คัดจมูก มีน้ำมูกแบบใสๆ คันจมูก หายใจไม่สะดวก ไอ จาม และบางรายอาจจะมีอาการรุนแรงถึงขั้น หอบ เป็นต้น

ในผู้ที่แพ้ไรฝุ่น เมื่อได้รับสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย โดยส่วนใหญ่จะแสดงอาการในทันที ไม่เหมือนโรคหวัด ที่จะต้องใช้เวลา 2-3 วันหลังจากได้รับเชื้อถึงจะแสดงอาการ และอาการภูมิแพ้เหล่านี้ "จะเป็นๆหายๆ ตลอดปี" ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ค่ะ

แพ้ไรฝุ่น

ลักษณะโดยทั่วไป ของไรฝุ่น

ไรฝุ่นจะมีขนาดเล็กมากๆ โดยเมื่อโตเป็นวัยรุ่นจะมี 8ขา และมีขนาดประมาณ 0.3 มม. โดยเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้กล้องกำลังขยายสูงส่อง จึงจะสามารถมองเห็นได้ ตัวของไรฝุ่นจะเป็นลักษณะใสๆ มีตา (แต่มองไม่เห็น) ไม่มีจมูก หายใจทางผิวหนัง มีตัวผู้ ตัวเมีย สามารถผสมพันธ์ ออกลูก ออกหลานได้

ไรฝุ่น คือ

ไรฝุ่นชอบอาศัยอยู่ที่ไหน และกินอะไรเป็นอาหาร ?

ไรฝุ่นชอบอาศัยอยู่ที่ อับ ชื้น มีเส้นใยมาก และที่ๆมีอาหารให้มันกิน โดยอาหารของพวกไรฝุ่นคือ เศษผิวหนังของมนุษย์เรานี่เองค่ะ โดย ใน1 วัน ผิวหนังของเราจะหลุดลอกออกมามากพอที่จะเลี้ยงเจ้าไรฝุ่นได้ทั้งกองทัพเลยค่ะ ชอบที่อับชื้น มีเส้นใยเยอะ แถมกินเศษผิวหนังเราเป็นอาหาร ที่ไหนล่ะที่จะพบไรฝุ่นได้มากที่สุด ? แน่นอนที่สุดค่ะ "บนที่นอน" ของเรานั่นเอง โดยเราจะพบไรฝุ่นบนที่นอนมากกว่าบนพื้นหรือปะปนในกองฝุ่นทั่วไป โดยในที่นอน 1 หลัง จะมีไรฝุ่นอยู่มากกว่า 1 แสนตัวค่ะ

เราแพ้อะไรในตัวไรฝุ่นบ้าง ?

เราแพ้ทั้งตัว อึ และเศษผิวของมัน ทั้งหมดนี้ล้วนมีสารก่อภูมิแพ้ทั้งสิ้น แม้กระทั่งมันตายแล้ว มันก็ยังไม่หมดฤทธิ์เดช ซากของมันก็ยังสามารถก่อภูมิแพ้ให้กับ มวลมนุษยชาติได้ แถมซากของมันยังสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้อีกเป็นปีเลยทีเดียว แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้จะอยู่ที่ "อึ" ของมันค่ะ โดยมูลของไรฝุ่น เมื่อถ่ายออกมาแรกๆจะเป็นก้อนเหนียวๆติดตามเส้นใยต่างๆ และเมื่อแห้งเมื่อไร มันจะปลิวฟุ้งลอยสู่อากาศได้ง่าย นั่นล่ะค่ะเมื่อปลิวฟุ้งได้ง่าย เราก็จะสูดดมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เช่นกัน

ไรฝุ่นเกิดจากอะไร

เราแพ้อึของไรฝุ่นเนี่ยนะ ?

แน่นอนที่สุดค่ะ เมื่อเรานอนหลับบนที่นอน จังหวะพลิกตัวล้มตัวลงนอน หรือบ้านไหนมีเด็กเล็กที่ชอบกระโดดเล่นบนที่นอน เมื่อมีแรงมากระทบ มูลของไรฝุ่นที่แห้งจะฟุ้งทะลุผ้าปูที่นอน ลอยสู่อากาศและเราจะสูดดมอึของมันเข้าสู่ร่างกายในที่สุด ส่งผลให้เกิดอาการภูมิแพ้ ในผู้ที่แพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดนี้ค่ะ

ไรฝุ่น คือ

มีวิธีจัดการเจ้าไรฝุ่นตัวฉกาจนี้ไหม ?

แนะนำให้อ่านบทความ 10 วิธีกำจัดไรฝุ่น สาเหตุอันดับ 1 ของโรคภูมิแพ้ คลิ๊กอ่านที่นี่ค่ะ >> วิธีกำจัดไรฝุ่น

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแพ้ไรฝุ่น ?

ไร้ฝุ่น
ปัจจุบันมีวิธีทดสอบว่าเราแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดไหนบ้าง อยู่หลายวิธีค่ะ แต่ที่นิยมและค่อนข้างสะดวกที่สุด คือ การทดสอบภูมิแพ้ ทางผิวหนัง หรือเรียกสั้นๆว่า วิธีสะกิด โดยวิธีการ คือ แพทย์จะนำน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ หลายชนิดมาหยดที่ผิวหนัง แล้วสังเกตุปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในแต่ละจุดว่าเป็นอย่างไร โดยแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยเองค่ะว่าเราแพ้อะไรบ้าง ลองอ่านขั้นตอนการตรวจภูมิแพ้ Skin Prick Test รู้ผลทันทีว่าแพ้อะไรบ้าง ได้ที่นี่ค่ะ >> ตรวจภูมิแพ้

ถ้ารู้แน่ชัดแล้วว่า ฉันแพ้ไรฝุ่นแน่ๆ สิ่งที่แนะนำให้ทำเป็นอันดับแรกคืออะไร ?

สิ่งที่ต้องทำสำหรับผู้ที่แพ้ไรฝุ่น ย้ำเลยนะคะว่า "ต้องทำ" คือ การซักผ้าปูที่นอนทุกอาทิตย์ นำของไม่จำเป็นในการนอนออกจากห้องนอนให้หมด โดยเฉพาะที่มีลักษณะเป็นเส้นใย เช่น ตุ๊กตา และหมั่นทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ อย่าได้ขาด อีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นไม่แพ้การซักผ้าปูที่นอน คือ การใช้ผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น คลุมเครื่องนอนทุกชิ้นก่อน 1 ชั้น แล้วค่อยปูผ้าปูที่นอนสวยงามของคุณทับอีกชั้น แต่มีข้อแม้นะคะว่า ผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น ที่นำมาใช้นั้น "ต้องได้มาตรฐานเท่านั้น" ไม่เช่นนั้นแทนที่จะกั้นไรฝุ่นได้ จะกลับกลายเป็นแหล่งสะสม ก่อร่างสร้างรังกันเลยทีเดียว ก่อนเลือกซื้อผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น แนะนำว่าคุณควรอ่านบทความนี้ก่อนค่ะ "5 ข้อควรรู้ ก่อนซื้อผ้ากันไรฝุ่น " คลิ๊กอ่านที่นี่ >> ผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น

ตัวไรฝุ่น มองเห็น

2 สิ่งที่อยากฝากเอาไว้ท้ายบทความนี้ คือ

1.จำไว้ว่า ไรฝุ่น คือ สาเหตุอันดับ 1 ของโรคภูมิแพ้ และที่สำคัญ มันอยู่ใกล้ตัวเรามาก ใกล้มากเพียงแค่เราหายใจเท่านั้น แม้ว่าวันนี้คุณจะแพ้หรือไม่แพ้มันก็ตาม คุณควรรู้จักมันและหาวิธีป้องกันเอาไว้แต่เนิ่นๆ ยังไงซะการป้องกันย่อมดีกว่ามานั่งรักษาภายหลังอย่างแน่นอน